16.2.10

นายมงคล เทพเกษตรกุล (หมอหมง)

ชื่อ-นามสกุล : มงคล เทพเกษตรกุล
ชื่อเล่น : หมอหมง (Hmohmong) วัน เดือน ปี เกิด: 16 มกราคม 2500
สังกัดชมรม : แพทรันนิ่ง (PatRunning)
ที่อยู่ : พุทธมณฑลรักษาสัตว์ 81/85-86 ตลาดพุทธมณฑล ถนนบรมราชชนนี กม. 17 ครึ่ง แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170
เบอร์โทร : 081-636-8486
อีเมลล์ (ถ้ามี) : pp_mongkol@yahoo.com ; phutvetclinic@gmail.com
Url (ถ้ามี) : -
จำนวนมาราธอนที่วิ่งมาแล้ว : 22
การวิ่งมาราธอนแรก : กรุงเทพมาราธอน 2548
มาราธอนครั้งล่าสุด : จอมบึงมาราธอน 2553
มาราธอนที่ประทับใจที่สุด : กรุงเทพมาราธอน 2548
มาราธอนที่คิดว่าโหดที่สุดที่ : KL Marathon 2551
เป้าหมายสูงสุดในการวิ่งมาราธอน : Up to 100 marathons before age at 70
ประโยชน์ที่ได้จากการวิ่งมาราธอน : ความแข็งแรงทางกาย ความสงบสันติของจิตใจ
เทคนิคการวิ่งมาราธอน : นอนให้พอ ออกตัวให้ช้า ๆ
เล่าประสบการณ์การวิ่ง (ถ้ามี): มีหลายเรื่อง หลายวาระ เรื่องล่าสุด "กรุงเทพมาราธอนกับความภาคภูมิใจ"

กรุงเทพมาราธอนกับความภาคภูมิใจ

Bangkok Marathon I love you 22 พ.ย. 2552
กรุงเทพมาราธอน ครั้งที่ 22 แต่เป็นมาราธอน สนามที่นี่ ครั้งที่ 5 ของผมติดต่อกันตั้งแต่ปี 2548
ความตื่นเต้นยังคงมีเต็มเปี่ยม ปีนี้มาดามผมเธอลงมาราธอนที่สนามนี้ด้วย ความตื่นเต้นของผมน่าจะมาจากเหตุนี้ด้วยโสดหนึ่ง เพิ่งเป็นมาราธอนที่ 2 ของเจ้าหล่อน และออกจะถอดใจอยู่เนืองๆ ก่อนวันวิ่ง ทั้งๆ ที่ผมเห็นเธอก็ฟิตร่างกายด้วยแอโรบิคแทบทุกเย็นหลังเลิกงาน
มาราธอนนี้เป็นมาราธอนที่ 18 ของผมโดยไม่นับรวมหนึ่งอัลตร้ามาราธอนที่สนามสวนพฤกษ์ เมื่อวัน May Day ปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม ผมวิ่ง Mini แทบทุกสัปดาห์, 15 สนามHalf, 5 Super Half และ 6 มาราธอน แต่เป็นการวิ่งและซ้อมในสนามนั้นๆ เอง มิได้มีแผน ตารางฝึกระหว่างสัปดาห์แต่อย่างใด ไม่มีเป้าหมายต้องซ้อมให้เวลาดีขึ้น แต่เป็นเป้าประสงค์เก็บคะแนนเพื่อการแข่งขันฟอร์รันเนอร์ลีค หวังให้ติดแค่ 1 ใน 15 จากผู้สมัครร่วมในลีค 70 ราย จึงมีแรงดึงดูดใจให้วิ่งแทบทุกเสาร์-อาทิตย์ โดยที่กติกาแข่งขันนี้จะนับคะแนนจากระยะทางที่วิ่ง และนับเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ผมจึงกลายเป็น “นักวิ่งเสาร์-อาทิตย์” ตามคำกล่าวของคุณพัลลภที่นิยามตนเองไว้เช่นนั้น
อีกสีสรรที่รังสรรค์ขึ้นเองคือ Marathon Rally Project กับคู่รัก-คู่แค้น Mr. Alex ตอนนี้วิ่งแข่งขันไป 10 สนามผมแพ้อยู่ 3:7 ทั้งสองรายการดังกล่าวเป็นความเริงใจและการเกาะเกี่ยวให้การออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นกุศโลบายอันรื่นรมย์จริงๆ
ถ้าจะกล่าวไป การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ต้องอาศัย “พลัง” และ “นิสัย” อย่างยิ่งยวด น่าสนใจในแรงจูงใจที่แต่ละผู้คนสร้างขึ้น โดยปัจเจกและกลุ่มคณะ, ชมรม คงจะมีความหลากหลาย กล่าวแค่เฉพาะตัวผมการอยู่ในชมรมวิ่ง Pat running ซึ่งได้ปฏิสัมพันธ์มาตั้งแต่ปี 2548 ทั้งได้เที่ยว วิ่ง ไหว้พระ ตามTheme การจัดของน้าแพท เป็นช่วงเวลาและชีวิตที่ “ลงตัว” ของผมมาก พอใจครับ
การลงมาราธอนครั้งนี้ ผมก็สมัครไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ประหนึ่งให้เตือนตนแต่เนิ่นๆ ว่าจะลงกรุงเทพฯ มาราธอนแน่ๆ ปีนี้อากาศดีอย่างยิ่ง ผู้คนที่พบปะในการวิ่งออกปากกันทั่ว และเวลาก็ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่
ค่ำวันเสาร์ ผมปิดคลินิกตั้งแต่ห้าโมงเย็น ปกติผมปิดสามทุ่ม กลับถึงบ้านรับประทานอาหารเย็นให้เร็วขึ้นเพื่อตั้งใจจะนอนให้เร็วขึ้น แต่กว่าจะงีบหลับได้ก็เกือบสองทุ่ม ทั้งๆที่ปิดไฟมืด เงียบเสียงทุกชนิดในห้องนอน ผมตั้งเวลาปลุกไว้ที่ 00.10 น. และ 00.20 น. พอเที่ยงคืนผมตื่นก่อนเสียงปลุกเสียอีก รีบปิดเสียงปลุกไว้ เข้าห้องน้ำ รับประทานอาหาร ข้าวต้มมัด 1 ข้าง ปลุกมาดามก็ใกล้ตีหนึ่งแล้ว เธออิดออด “ไม่วิ่งได้ไหม” ผมไม่ตอบว่าได้ เธอเตรียมเงินไว้ในกระเป๋าคาดเอวแล้วเพียงพอหากว่าไม่ไหวจริงๆ ต้อง NF ก็สามารถอาศัย TAXI กลับได้ เรานัดกันไว้ดังว่า แต่ผมมั่นใจลึกๆว่า เธอต้องวิ่งมาราธอนครั้งนี้ได้ ขาไปผมขับรถไปจอดใกล้คลินิกแล้วใช้บริการ TAXI ถึงหน้าศาลหลักเมืองก็ประมาณตี 1 ครึ่ง ผู้คนดูบางตา เมื่อลงจาก TAXI ผมแยกตัวเอากระเป๋าไปฝากให้ตรงตามกลุ่มวิ่ง แล้วเข้าซองที่กั้นตามเสียงประกาศให้เตรียมเข้าจุดปล่อยตัว ตอนนี้พบว่าคนไม่น่าจะน้อยกว่า 3,000 คน สำหรับรอบตีสอง ซึ่งก็คึกคักทีเดียว เจอกลุ่มไหนพอรู้จักก็เข้าร่วมชักภาพกับเขาพอคลายความตื่นเต้นได้ น้าแพทถ่ายภาพคู่ผมกับมาดาม และคุณสมปอง คุณนัยเนตรด้วย โปรทอมก็แวะเวียนถ่ายภาพก่อนปล่อยตัวเช่นกัน
ครั้นถึงเวลาตี 2 ก็ปล่อยตัว โดยครั้งนี้ไม่มีเสียง “ตุ้ม ตุ้ม” ของกลองเช่นปีที่ผ่านๆ มา แต่มีเสียง “ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ม ตุ้ม ต่อม ต่อม” ของหัวใจตนเองแทน “ออกตัวให้ช้าๆ ไว้” แต่ก็ไม่สู้จะช้านักสำหรับผม เจอคุณเสริฐ สวนธน แถวหัวมุมสนามหลวง คุยกันนิดหน่อย แล้วก็ทิ้งผมไว้ ได้ทักโกโหน่งด้วย...ระหว่างขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าผมวิ่งคู่กับคุณสำเนาไปเรื่อยๆ อยู่ในกลุ่มกลางๆ ทราบภายหลังว่า Mr. Alex เกาะผมเป็นตุ๊กแก จนถึงกม.ที่ 5-6 จึงได้ทราบจากการส่งเสียงแซว แถมยังบอกให้ผมเร่งๆ หน่อย เพราะดูช้าเกินไป
เจอกลุ่มคุณป้อม เมืองไทย คุณวงกลม คุณหนุ่ม ที่กม. 12-13 และคุณโก๊ะ ผู้มาดมั่นแห่งร้อยเอ็ดอยู่ในทางตลอด คุยเรื่องสิงคโปร์มาราธอนกันเล็กน้อย หลังช่วงกลับตัวบนลอยฟ้า ผมเริ่มฉีกออกจาก Alex โดยเล็งไปที่เสื้อเหลือง-น้ำเงินของชมรมบางขุนเทียน ขออาศัยแรงดึงและดูดจากคุณต๊ะ คุณแสงนี่แหละ ได้ผล พอจะหลบการเกาะของAlex ได้เกือบๆ 1Km. ผมเกาะคุณต๊ะ คุณแสงจนถึงแถวพาต้า คุณแสงบอก “ขอผ่อนนิด จงเกาะคนอื่นต่อเถิด” พอดีเจอหลวงพี่ตู่กำลังวิ่งลอยมาและผ่านผมพอดี จึงขออาศัยเกาะไปด้วยคน
ผ่านย่านสะพานพระราม 8 อ.เปายืนประจำการอยู่ ท่านชักภาพไว้ จะคอยชมครับ ถัดมาอีกร่วม 100 เมตร ก่อนลงสะพาน เจอบัดดี้ตุ้ม จึงได้ชักภาพอีกบาน ร่วมทางกับหลวงพี่ตู่ได้จนลงสะพานพระราม 8 ต้องบอกว่า พี่ขอแวะ 7-11 ต้องปล่อยทุกข์หนักครับน้อง ก่อนเข้าเซเว่นฯ คุณโยซึ่งปั่นจักรยานคอยเทคแคร์นัวิ่ง มี Spray คลายปวด มีอาหารรองท้อง เลยบอกคุณโยว่า หลังออกจากเซเว่นฯ จะขอใช้บริการ เข้าเซเว่นฯ สั่งของกินตามสูตรแจ๋-ป้อม คือ แซนวิชแฮมชีสแล้ววางแบงค์ 500 ไว้ แล้วขอเข้าสุขา พอออกมาโล่งตัวใช้ได้ แต่มีริ้วตะคริวที่ต้นขาจากการนั่งชักโครก คุณโยจึง Spray ยาแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อให้ และบอกว่า Alex ไปแล้วนะ ผมมองไปทางคุรุสภา ไม่สามารถเห็นหลัง Alex เลยตั้งแต่บัดเดี๋ยวนั้น พอจะเร่งตามก็หมดก๊อกแล้ว แถมมีก๊อกเดียวอย่างคุณโตว่า ตั้งแต่นั้นมีแต่คนแซวและแซง ที่พอจำได้ก็มีคุณปัตย์ คุณษร รายคุณปัตย์นั้น เธอเคาะ เคาะ เคาะ (ตามสำนวนของเธอ)ไปจนลับตา ซึ่งทราบภายหลังว่าเธอเข้าเวลาใกล้เคียงกับ Alex ดังนั้น แม้ผมจะเกาะคุณปัตย์ทันก็เพียงแค่จะได้พบ Alex ใกล้ๆ เส้นชัยเท่านั้น ส่วน “สาวษร” เธอหลายก๊อกจริงๆ เธอบิด-ยืด-เหยียด บ่อยๆ โดยใช้ต้นมะขามรอบสวนจิตรฯ แต่ที่สุดเธอก็ทิ้งพี่หมอไปอีก ส่วนน้องหนึ่ง ฟอร์รันเนอร์ ผมแซงเธอแถวพระราม 8 แต่ที่สุดผมไม่อาจหนีได้ตามเคย เธอแซงผมกลับแถวๆ Check point ที่กม.34 แล้วหายวับไปเช่นกัน ผมเริ่มออกอาการริ้วตะคริวที่ท่อนขาต้องผ่อนถึง กับเริ่มเดินบ้าง เมื่อถึงลานพระรูปและพ้นกระทรวงศึกษาฯ คุณแสง แห่งบางขุนเทียนทักจากด้านหลัง บอกว่าคุณต๊ะล่วงหน้าฉิวไปแล้ว ผมจึงวิ่งคู่คุณแสงจนถึงแถวๆใกล้วัดบวรฯ คุณแสงบอกพี่หมอไปก่อนเลย ผมก็ไปตามแรงที่ยกขาได้โดยไม่ได้หยุด แต่ความเร็วไม่มากไปกว่าเดินเร็วเลย ระหว่างทางช่วงนี้ เพื่อนนักวิ่งมากมายแซงไปเป็นกุรุส ทั้งแนวหน้ารอบตีสามครึ่ง และรอบตีสองที่ยังแรง “พี่เอก” ขวัญใจคุณตุ๊กตาก็แซงแถวท่าพระอาทิตย์ หมวดเอกก็ลิ่วทักทายแถวท่าช้าง
ที่สุด เมื่อถึงแถวท่าช้าง คุณแสงก็ทันตีคู่กันอีกรอบ จนถึงช่วงเลี้ยวกำแพงวังได้รับมาลัยดอกไม้จากน้องบางขุนเทียน เสียงประกาศเชียร์คุณแสงของชมรมบางขุนเทียนดังลั่นสนั่น คุณเตือนชักภาพไปเป็นชุด จะคอยชมครับ เจอโปรทอม คุณแอน คุณวัฒนา(หนุ่มหล่อราชมังคลา)ชักภาพอยู่ด้วย ขอออร์เดอร์ภาพผม มาดามปุ๋ยจากโปรทอมด้วยนะครับ
เมื่อพ้นหัวมุมกำแพงพระบรมมหาราชวัง เข้าทางตรง คุณวรรณา ภรรเมียของ Alex ยิ้มแป้น น้องTen ตะโกนลั่น “ป่าป๊าชนะลุงหมอๆ” เมื่อถึงจุด Finish เสียงปี๊บจบ ผมกดหยุดการจับเวลาตัวเองเช่นกัน “4:45:06:21” และชูมือเพื่อการชักภาพที่เส้นชัย ไม่ยักกะเห็นน้าแพทแฮะ
4:45:06 Hrs. เป็น Personal recordใหม่ ของตัวเองสำหรับกรุงเทพฯมาราธอน 5 ครั้ง ปัจจัยที่ทำให้การวิ่งครั้งนี้ทำเวลาได้ดี น่าจะเพราะ อากาศดีกว่าทุกๆ ปี ชื่นใจ ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง “Bangkok Marathon” I love you.
ขอขอบคุณเรื่องราวมาราธอนอันน่าประทับใจ โดย"หมอหมง"